รักษาเริมที่อวัยวะเพศหญิง

หากสาว ๆ มีตุ่มขึ้นที่อวัยวะเพศหญิง เป็นตุ่มพองเล็ก ๆ หรือตุ่มน้ำใส ๆ เกิดขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศหญิง รวมถึงบริเวณข้างเคียงอย่างต้นขา ก้น หรือทวารหนัก ร่วมกับมีอาการคันที่อวัยวะเพศ นั่นอาจเป็นลักษณะอาการของโรคเริมที่อวัยวะเพศหญิง หรือที่หลายคนนิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า “เริมอวัยเพศหญิง”

แล้วเริมอวัยวะเพศหญิงนี้ มีสาเหตุมาจากอะไร? ลักษณะอาการเป็นอย่างไร? ต้องรักษาและดูแลป้องกันอย่างไร? แฮปปี้เบิร์ธคลินิก มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเริมอวัยวะเพศหญิงมาฝากค่ะ

เริมอวัยวะเพศหญิง คืออะไร?

เริมอวัยเพศหญิง หรือเริมที่อวัยวะเพศหญิง คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสสเฮอร์พีส์ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus :HSV) บริเวณอวัยวะเพศหญิง และทำให้เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ ตามมา

เชื้อไวรัส HSV จะแบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่

• HSV - 1 จะทำให้เกิดโรคเริมที่ปาก และเริ่มที่อวัยวะเพศ

• HSV - 2 จะทำให้เกิดเริมที่อวัยวะเพศเป็นหลัก

ทำไมรักษาเริมอวัยวะเพศหญิงหายแล้ว ถึงกลับมาเป็นซ้ำอีก

ในปัจจุบัน โรคเริมที่อวัยวะเพศหญิงยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด และสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้เมื่อภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลงจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น พักผ่อนน้อย เจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ หรือในช่วงที่มีระดู เนื่องจากเชื้อไวรัสจะฝังตัวอยู่ภายในเส้นประสาทบริเวณเชิงกราน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่เมื่อสาว ๆ เป็นเริมที่อวัยวะเพศ ก็ควรไปพบคุณหมอเพื่อทำการรักษาและหาทางดูแลป้องกันไม่ให้กลับมาเกิดซ้ำได้อีก โดยเฉพาะคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ เพราะเชื้อไวรัสอาจแพร่ไปสู่ทารกในช่วงที่ทำการคลอดได้

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเริมที่อวัยวะเพศหญิง

โรคเริมที่อวัยวะเพศหญิงเกิดจากเชื้อไวรัส HSV ซึ่งเชื้อไวรัสชนิดนี้ สามารถพบได้ในสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อ เช่น น้ำลาย อสุจิ และตกขาว

เชื้อไวรัส HSV สามารถแพร่เชื้อได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันด้วยถุงยางอนามัย หรือการทำออรัลเซ็กซ์ (Oral sex) เป็นหลัก เนื่องจากเชื้อไวรัสชนิดนี้ จะตายอย่างรวดเร็วเมื่ออยู่นอกร่างกาย ทำให้โอกาสในการติดเชื้อไวรัสจากการใช้ห้องน้ำร่วมกัน หรือจากผ้าเช็ดตัว หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นไปได้น้อยมากนั่นเอง

ปัจจัยเสี่ยงทำให้เป็นโรคเริมที่อวัยวะเพศหญิง

ผู้ที่เสี่ยงเป็นเริมที่อวัยวะเพศหญิง มีดังนี้

• ผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย

• ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันด้วยถุงยางอนามัย ทั้งในทางช่องคลอด ทวารหนัก และปาก

• ผู้ที่ชอบร่วมเพศทางปาก หรือที่เรียกว่า “ออรัลเซ็กซ์”

อาการของโรคเริ่มอวัยวะเพศหญิง

สาว ๆ หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นเริมอวัยวะเพศหญิง สามารถสังเกตเบื้องต้นได้ง่าย ๆ โดยดูจากอาการเหล่านี้

• มีตุ่มขึ้นที่อวัยวะเพศหญิง เป็นตุ่มพองเล็ก ๆ หรือตุ่มน้ำใส ในบางรายอาจลุกลามไปยังบริเวณข้างเคียงอย่างต้นขา ทวารหนัก หรือก้นด้วย

• อวัยวะเพศหญิงมีอาการคัน หรือชาบริเวณที่ตุ่มพองขึ้น

• มีตกขาวผิดปกติ ตกขาวมีกลิ่นเหม็น 

• ในบางรายอาจมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ปวดหลัง ปวดศีรษะ หรือมีไข้ร่วมด้วย

• ปวด หรือแสบขณะปัสสาวะ

ภาวะแทรกซ้อนของเริมที่อวัยวะเพศหญิง

นอกจากอาการที่พบได้ทั่วไปแล้ว เริมที่อวัยวะเพศหญิงยังอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้

• เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ โดยเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายผ่านแผลเริม ดังนั้นเมื่อมีอาการอยู่ จะต้องงดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนจนกว่าจะหายดีค่ะ

• ในผู้ป่วยบางราย เริมที่อวัยวะเพศอาจทำให้เกิดการอักเสบบริเวณท่อปัสสาวะ หรือการอักเสบบริวณทวารหนักได้ค่ะ

• อาจเกิดแผลเริมที่บริเวณอื่น ๆ ในช่วงที่มีการติดเชื้อด้วย เช่น สะโพก ขาหนีบ ต้นขา นิ้ว หรือตา เป็นต้น

• อาจทำให้เป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยมาก มักพบในคนที่มีภาวะภูมิคุ้มกัน่อนแอ โดยเชื้อไวรัสจะทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อหุ้มและน้ำไขสันหลังบริเวณรอบ ๆ สมองและไขมันสันหลัง และอาจเป็นอันตรายถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ค่ะ

• การติดเชื้อขณะคลอด โดยจะทำให้ทารกสมองเสียหาย ตาบอด และเสียชีวิตได้ค่ะ เพื่อลดความเสี่ยงนี้ หากเป็นโรคเริมที่อวัยวะเพศ แล้วสงสัยว่าตัวเองกำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ จะต้องรีบแจ้งให้คุณหมอทราบ เพื่อวางแผนการคลอดอย่างปลอดภัยค่ะ

เมื่อไรควรไปพบคุณหมอ

ตุ่มน้ำใสที่เกิดจากโรคเริมที่อวัยวะเพศหญิง สามารถทำให้เกิดอาการเจ็บและแตกเป็นแผลได้ รวมถึงทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายอย่างเช่น ท่อปัสสาวะอักเสบ ทวารหนักอักเสบ หรือร้ายแรงถึงขั้นเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้

สาว ๆ คนไหนที่มีตุ่มน้ำใส ๆ ขึ้น จึงควรรีบไปพบคุณหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุ และเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้จนทำให้อาการร้ายแรง หรือกลับมาเป็นซ้ำบ่อย ๆ

วิธีการรักษาโรคเริมอวัยวะเพศหญิง

วิธีการรักษาโรคเริมอวัยวะเพศหญิงที่แฮปปี้เบิร์ธคลินิก จะเริ่มจากการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุก่อนค่ะ โดยหลัก ๆ แล้ว จะเริ่มจากการตรวจภายในและเก็บตัวอย่างเชื้อไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการค่ะ

สาว ๆ ที่ไม่เคยตรวจภายใน ไม่ต้องกังวล หรือเขินอายเลยค่ะ เพราะคลินิกของเราให้การดูแลโดยเจ้าหน้าที่หญิง และคุณหมอผู้หญิงทุกขั้นตอน ที่สำคัญยังเป็นคลินิกสูตินรีเวช ไม่มีผู้ชาย คนไม่พลุกพล่าน เป็นส่วนตัวมาก ๆ ค่ะ

หลังจากที่คุณหมอตรวจยืนยันแล้วว่าตุ่มน้ำใส ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเริมอวัยเพศหญิงจริง ๆ ก็จะทำการจ่ายยาต้านไวรัส เช่น Acyclovir (Zovirax®), Famciclovir หรือ Valcyclovir  และแนะนำวิธีการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำได้มากที่สุดค่ะ

วิธีป้องกันโรคเริมอวัยวะเพศหญิง

วิธีป้องกันโรคเริ่มที่อวัยวะเพศหญิงนั้น หลัก ๆ แล้ว จะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมากที่สุด เช่น

• ป้องกันด้วยถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

• ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ

• หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีอาการคล้ายเริมอวัยเพศหญิง หรือชาย

• หลีกเลี่ยงการทำออรัลเซ็กซ์

• ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

• รักษาสุขอนามัยอย่างดี เช่น ล้างมือบ่อย ๆ หลังจากที่สัมผัสสิ่งของ หรือก่อนรับประทานอาหาร หรือขยี้ตา ไม่กินของร่วมกับผู้อื่น หรือแยกที่เก็บของใช้ส่วนตัวอย่างชัดเจน เป็นต้น

วิธีดูแลตัวเองในระหว่างที่มีอาการ

• ประคบน้ำแข็ง เมื่อมีอาการปวด หรือแสบร้อน

• ให้ใช้ไม้สำลีในการทายาและล้างมือทุกครั้งที่สัมผัสตุ่มน้ำที่อวัยวะเพศหญิง

• สวมชุดชั้นใน และกางเกงหลวม ๆ เพื่อลดการเสียดสี และทำให้อากาศถ่ายเท

• อย่าแกะสเก็ดแผลเริมที่อวัยวะเพศหญิง ควรปล่อยให้สะเก็ดหลุดเอง

• หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลเริมสัมผัสกับแสงแดด

• ควรบริหารจัดการความเครียดให้ดี อย่าปล่อยให้ตัวเองเครียดเกินไป และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

• ในหญิงตั้งครรภ์ จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อวางแผนการคลอดอย่างปลอดภัย

วิธีดูแลตัวเองไม่ให้กลับมาเป็นเริมที่อวัยวะเพศหญิงซ้ำอีก

หลังจากที่เรารักษาเริมที่อวัยวะเพศหญิงจนหายดีแล้ว เชื้อไวรัสจะฝังตัวอยู่ภายในเส้นประสาทบริเวณเชิงกรานค่ะ เมื่อใดที่สาว ๆ ร่างกายอ่อนแอ เป็นไข้ ภูมิคุ้มกันตก มีความเครียดมาก ๆ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะกลับมาเป็นซ้ำได้อีก ดังนั้นวิธีป้องกันไม่ให้เริมที่อวัยวะเพศหญิงกลับมาเป็นซ้ำได้ดีที่สุดก็คือการดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปีแรกที่เป็นเริมที่อวัยวะเพศหญิง ส่วนใหญ่จะเกิดซ้ำได้บ่อย ๆ แต่หลังจากที่ร่างกายสร้างภูมิต้านทานไวรัสได้ดีขึ้นแล้ว ความถี่ในการเป็นซ้ำก็จะห่างไปเรื่อย ๆ ค่ะ ถ้าหากสาว ๆ กังวลเมื่อมีอาการ ก็สามารถกลับมาปรึกษาคุณหมอเพื่อดูแลรักษาได้เลย จะได้ช่วยให้แผลเริมหายไว ๆ ค่ะ

วิธีป้องกันโรคเริมอวัยวะเพศหญิง

วิธีป้องกันโรคเริ่มที่อวัยวะเพศหญิงนั้น หลัก ๆ แล้ว จะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมากที่สุด เช่น

• ป้องกันด้วยถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

• ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ

• หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีอาการคล้ายเริมอวัยเพศหญิง หรือชาย

• หลีกเลี่ยงการทำออรัลเซ็กซ์

• ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

• รักษาสุขอนามัยอย่างดี เช่น ล้างมือบ่อย ๆ หลังจากที่สัมผัสสิ่งของ หรือก่อนรับประทานอาหาร หรือขยี้ตา ไม่กินของร่วมกับผู้อื่น หรือแยกที่เก็บของใช้ส่วนตัวอย่างชัดเจน เป็นต้น

• ในรายที่มีความเสี่ยง แนะนำตรวจ STDs สม่ำเสมอ (ตรวจ STD ผู้หญิง คลิกเลย!)

รักษาโรคเริมที่อวัยวะเพศหญิงราคาเท่าไหร่?

ราคารักษาเริมที่แฮปปี้เบิร์ธคลินิก จะมีค่าบริการเริ่มต้นที่ 1,500 บาท* ทุกเคสดูแลโดยคุณหมอและเจ้าหน้าที่ผู้หญิง คลินิกมีความเป็นส่วนตัว คนไม่พลุกพล่น สำหรับสาว ๆ ท่านใดที่มีอาการอยู่ สามารถนัดหมายเข้ามาพบคุณหมออย่างสบายใจได้เลยค่ะ

*เป็นอัตราค่าบริการรักษาโรคเริม เดือนมกราคม 2567  ควรสอบถามรายละเอียดเจ้าหน้าที่อีกครั้ง

ตอบทุกข้อสงสัยโรคเริมอวัยวะเพศหญิง โดยคุณหมอ

สำหรับสาว ๆ ที่ยังคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคเริมที่อวัยวะเพศหญิงอยู่ แฮปปี้เบิร์ธคลินิกได้รวมคำถามที่พบบ่อยมาให้แล้ว ทุกคำตอบถามโดยคุณหมอ จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูกันเลยค่ะ

1. โรคเริมที่อวัยวะเพศหญิงอันตรายไหม?

หากโรคเริมที่อวัยวะเพศหญิงเกิดในคนทั่วไปที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง อาจสามารถหายได้เองค่ะ หรือในรายที่มีอาการมาก แพทย์ก็จะจ่ายยาต้านไวรัสร่วมกับยาปฏิชีวนะให้ ซึ่งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียเวลาที่ตุ่มน้ำแตก ทำให้แผลหายเร็วขึ้น และลดเวลาในการแพร่กระจ่ายเชื้อได้

อย่างไรก็ตาม ในคนที่ภูมิคุ้มกันร่างกายไม่แข็งแรง เป็นผู้ป่วยเรื้อรัง ได้รับยาต้านภูมิคุ้มกันอยู่ หรือเด็กแรกเกิด จะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายอย่างเชื้อแพร่กระจายไปยังอวัยวะต่าง ๆ เช่น สมอง แล้วทำให้เยื้อหุ้มสมองอักเสบ และเสียชีวิตได้ค่ะ

ถ้าหากผู้ที่เป็นโรคเริมที่อวัยวะเพศหญิงอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้ เมื่อมีอาการก็ควรที่จะรีบไปพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็จะสามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ค่ะ

2. เป็นเริมที่อวัยวะเพศรักษายังไงดี?

เริมที่อวัยวะเพศ สามารถรักษาได้ด้วยการจ่ายยาต้านไวรัส ซึ่งมีทั้งยาเม็ดรับประทานและยาครีมสำหรับทา จากนั้นจะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำได้มากที่สุดค่ะ

3. แผลเริมที่อวัยวะเพศกี่วันหาย?

ในคนที่เป็นเริมที่อวัยวะเพศหญิงครั้งแรก ส่วนใหญ่จะใช้ระยะเวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ แผลเริมถึงจะหายดี แต่ในคนที่กลับมาเป็นเริมซ้ำ ส่วนใหญ่จะอาการไม่รุนแรง เกิดตำแหน่งเดิม และหายได้ภายใน 1 สัปดาห์ค่ะ

4. เริมอวัยวะเพศหายเองได้ไหม?

ในคนที่มีอาการไม่รุนแรงมาก และมีภูมิคุ้มกันแข็งแรง อาจสามารถหายได้เอง แต่แนะนำให้มาพบคุณหมอเพื่อทำการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่าค่ะ เพราะจะช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อแบคทีเรียเวลาที่ตุ่มน้ำแตก และการแพร่เชื้อให้แก่ผู้อื่นได้ค่ะ

5. โรคเริมอวัยวะเพศมีระยะฟักตัวนานเท่าใด?

เมื่อได้รับเชื้อไวรัสครั้งแรก อาจใช้ระยะเวลาฟักตัวนาน 2-20 วัน กว่าจะแสดงอาการออกมาค่ะ

6. เมื่อไหร่ถึงจะสามารถกลับมามีเพศสัมพันธ์ได้

จะต้องรอให้รอยโรคที่อวัยวะเพศหญิงหายสนิทก่อน เพราะการใช้ถุงยางอนามัยจะไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสเริมที่อวัยวะเพศหญิงได้ค่ะ

สรุปเรื่องโรคเริมอวัยวะเพศหญิง

สาว ๆ ที่เป็นเริมอวัยเพศหญิง ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เพราะโรคเริมที่อวัยวะเพศหญิงสามารถรักษาได้ ถ้าได้รับการตรวจและรักษาที่ถูกวิธี รวมถึงดูแลตัวอย่างถูกต้อง ดังนั้นถ้าหากสาว ๆ คนไหนมีอาการเสี่ยงคล้ายกับโรคเริม เช่น ตุ่มน้ำใส ๆ คันที่อวัยวะเพศ หรือตกขาวผิดปกติ ก็ไม่ควรรีรอ รีบติดต่อนัดหมายมาตรวจภายในที่แฮปปี้เบิร์ธคลินิกตั้งแต่เนิ่น ๆ ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 081-442-9355 (ตามเวลาทำการคลินิก) และเฟสบุ๊กเพจ happybirth กับหมอชะเอม ได้เลยค่ะ คุณหมอของเราพร้อมที่จะให้การดูแลรักษาอย่างใส่ใจ ใจดี และเป็นส่วนตัวมากที่สุด รับรองว่าไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนค่ะ