เมื่อคุณแม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ สิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือ การไปฝากครรภ์ที่คลินิก หรือโรงพยาบาล เพื่อที่จะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากคุณหมอ และรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองและลูกน้อยในครรภ์ เพื่อให้กระบวนการตั้งครรภ์เป็นไปอย่างปลอดภัยและราบรื่นมากที่สุด
สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่ต้องฝากครรภ์ครั้งแรก แล้วไม่รู้ว่าจะฝากครรภ์ที่ไหนดี? ค่าฝากครรภ์ราคาอยู่ที่เท่าไหร่? แล้วสามารถเบิกค่าฝากครรภ์ประกันสังคมได้ไหม? แฮปปี้เบิร์ธ คลินิก (happybirth clinic) ได้หาคำตอบมาให้แล้วค่ะ ถ้าอยากรู้แล้ว ก็ไปอ่านกันได้เลย 😉
โดยทั่วไปแล้วค่าฝากครรภ์ราคาอยู่ที่เท่าไหร่?
ค่าฝากครรภ์จะแบ่งเป็น 2 แบบหลัก ๆ คือ
1.ค่าฝากครรภ์แบบรายครั้ง
โรงพยาบาลรัฐ และคลินิกฝากครรภ์ มักคิดค่าฝากครรภ์แบบรายครั้ง โดยครั้งแรกจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาท และครั้งต่อ ๆ ไปจะอยู่ประมาณ 1,500 บาท ซึ่งรวมค่ายา และค่าบริการทางการแพทย์แล้ว ข้อดีคือ จ่ายตามจริงเป็นครั้ง ไม่ต้องเหมาจ่ายส่วนที่ไม่จำเป็น
2.ค่าฝากครรภ์แบบเหมาจ่ายรวมกับการคลอดบุตร
เป็นแพ็กเกจที่มักพบในโรงพยาบาลเอกชน จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 30,000 - 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล และวิธีการคลอดบุตรเป็นหลัก
ค่าฝากครรภ์ประกันสังคมเบิกได้เท่าไหร่?
หากคุณแม่ หรือคุณพ่อมีสิทธิประกันสังคม สามารถเลือกใช้สิทธิของคนใดคนหนึ่งไปเบิกค่าฝากครรภ์ประกันสังคมได้ค่ะ โดยสามารถเบิกค่าฝากครรภ์ได้สูงสุด 1,500 บาท แบ่งตามช่วงอายุครรภ์ตลอดการตั้งครรภ์ ทั้งหมด 5 ครั้ง ดังนี้ค่ะ
ครั้งที่ 1 : อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ เบิกได้สูงสุด 500 บาท
ครั้งที่ 2 : อายุครรภ์ 13 - น้อยกว่า 20 สัปดาห์ เบิกได้สูงสุด 300 บาท
ครั้งที่ 3 : อายุครรภ์ 20 - น้อยกว่า 26 สัปดาห์ เบิกได้สูงสุด 300 บาท
ครั้งที่ 4 : อายุครรภ์ 26 - น้อยกว่า 32 สัปดาห์ เบิกได้สูงสุด 200 บาท
ครั้งที่ 5 : อายุครรภ์ 32 - 40 สัปดาห์ เบิกได้สูงสุด 200 บาท
สำหรับใครที่ต้องการเบิกประกันสังคม 1,500 บาททีเดียวก็สามารถทำได้ค่ะ แต่ว่าจะต้องรวมใบเสร็จและใบรับรองแพทย์ตามแต่ละช่วงอายุครรภ์ไว้ให้ครบค่ะ
เบิกค่าฝากครรภ์ใช้เอกสารอะไรบ้าง?
การเบิกค่าฝากครรภ์ประกันสังคมนั้น คุณแม่ หรือคุณพ่อ สามารถไปเบิกที่สำนักงานประกันสังคมที่อยู่ใกล้บ้านได้เลย โดยเอกสารที่ต้องใช้ มีดังนี้
ใบเสร็จค่าฝากครรภ์ของสถานพยาบาล เช่น คลินิก หรือ โรงพยาบาล ที่คุณแม่ไปใช้บริการค่ะ
ใบรับรองแพทย์ หรือสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก (สมุดสีชมพู)
หากคุณพ่อเป็นคนใช้สิทธิ์เบิกค่าฝากครรภ์ประกันสังคม จะต้องใช้สำเนาทะเบียนสมรส หรือถ้าไม่ได้จดทะเบียน จะต้องใช้หนังสือรับรองของผู้ประกันตนกรณีที่ไม่มีทะเบียนสมรสแทน สามารถดาวน์โหลดได้ ที่นี่ เลยค่ะ
แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน กองทุนประกันสังคม สามารถดาวน์โหลดได้ ที่นี่ เลยค่ะ
สำเนาสมุดบัญชีธนาคารหน้าแรก (กรณีรับเงินเข้าบัญชีธนาคาร)
ขั้นตอนเบิกค่าฝากครรภ์ประกันสังคม
การเบิกค่าฝากครรภ์กับประกันสังคม สามารถทำได้ง่าย ๆ 2 วิธี ได้แก่
1. ขั้นตอนเบิกค่าฝากครรภ์ที่สำนักงานประกันสังคมต่าง ๆ
เตรียมเอกสารเบิกค่าฝากครรภ์ให้ครบ ไม่ว่าจะเป็น
สมุดฝากครรภ์
แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน กองทุนประกันสังคม
ใบเสร็จตัวจากจากคลินิก หรือโรงพยาบาลที่ไปฝากครรภ์
ใบรับรองแพทย์ตลอดอายุครรภ์ และสำเนาทะเบียนสมรส (ในกรณีที่ฝ่ายชายเบิกแทน) หรือหนังสือรับรองผู้ประกันตนกรณีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน
จากนั้นให้ไปยื่นเบิกค่าฝากครรภ์ที่สำนักงานประกันสังคมใกล้บ้าน หรือเดินทางสะดวกได้เลยค่ะ
2. ขั้นตอนเบิกค่าฝากครรภ์ออนไลน์
ให้เตรียมเอกสารเบิกค่าฝากครรภ์ให้พร้อม ได้แก่ สำเนาใบเสร็จรับเงิน สำเนาใบรับรองแพทย์ หรือสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก ที่ระบุวันที่ตรวจครรภ์และอายุครรภ์ รวมถึงสำเนาทะเบียนสมรส หรือหนังสืออยู่กินฉันท์สามีภรรยาอย่างเปิดเผย
หลังจากนั้นให้ไปที่เว็บไซต์ประกันสังคม (https://www.sso.go.th/wpr/main/login) ล็อกอินให้เรียบร้อย แล้วทำการกรอกข้อมูลตามที่กำหนด อัปโหลดไฟล์เอกสาร และกดยืนยันยื่นเบิกค่าฝากครรภ์ได้เลยค่ะ
หากคุณแม่ยื่นเอกสารครบถ้วน มีคุณสมบัติเป็นไปตามที่เงื่อนไขกำหนด และไม่ติดสถานะค้างชำระกรณีสำนักงานประกันสังคมเรียงเงินคืน ก็จะได้รับเงินค่าฝากครรภ์ภายใน 7-10 วันทำการค่ะ
ค่าฝากครรภ์คลินิกใช้เบิกประกันสังคมได้ไหม?
สามารถเบิกได้ค่ะ โดยคุณแม่จะต้องขอใบเสร็จค่าฝากครรภ์คลินิก ใบรับรองแพทย์ และสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก ไว้ใช้เป็นเอกสารประกอบสำหรับเบิกค่าค่าฝากครรภ์ประกันสังคมค่ะ ซึ่งสามารถเบิกได้สูงสุด 1,500 บาท ตลอดการฝากครรภ์
ค่าคลอดบุตร เบิกประกันสังคมได้ไหม
คุณแม่ที่มีสิทธิ์ประกันสังคมที่ฝากครรภ์สามารถเบิกค่าคลอดบุตรของทุกโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน โดยสำรองจ่ายค่าใช้จ่ายเองก่อน แล้วมาเบิกที่สำนักงานประกันสังคมตามหลังได้
เบิกเหมาจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ วงเงิน 15,000 บาท / ครั้ง
คลอดที่โรงพยาบาลใดก็ได้
เบิกค่าฝากครรภ์ประกันสังคม ยื่นเอกสารที่ไหน ?
ยื่นเอกสารที่สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ ณ สาขาที่สะดวก (ยกเว้นสำนักงานใหญ่กระทรวงสาธารณสุข) หรือ ทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทนได้
ส่งเอกสารทางไปรษณีย์ ให้สำนักงานประกันสังคม
ส่งเอกสารผ่านทางโทรสาร (Fax), e-mail หรือ Line ของสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ / จังหวัด / สาขา ที่สะดวก (ยกเว้นสำนักงานใหญ่)
ช่องทางการรับเงินคืนจากสำนักงานประกันสังคม
รับเงินสด ด้วยตัวเอง
มอบอำนาจให้ตัวแทนเข้ามารับได้ที่สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ
โอนเข้าบัญชีธนาคาร
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม: สำนักงานประกันสังคม (โทร 1506)
ฝากครรภ์ที่ไหนดี? แนะนำวิธีเลือกคลินิกฝากครรภ์ให้เหมาะสมกับตนเอง
หากคุณแม่ที่รู้ว่าตั้งครรภ์แล้ว แต่ยังไม่รู้จะไปฝากครรภ์ที่ไหนดี? เรามีวิธีเลือกคลินิกฝากครรภ์ง่าย ๆ ให้เหมาะสมกับคุณแม่มาฝาก จะต้องเลือกจากปัจจัยใดบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ
1. คลินิกฝากครรภ์ต้องได้มาตรฐาน
การจะดูว่าคลินิกฝากครรภ์ได้มาตรฐานไหม จะสามารถดูได้จาก 3 ส่วนหลัก ๆ ค่ะ ได้แก่
คลินิกต้องมีเลขใบอนุญาตจดทะเบียนสถานพยาบาล : ซึ่งในไทยจะมีการจดทะเบียนสถานพยาบาลหลายรูปแบบ สำหรับคลินิกฝากครรภ์จะจดทะเบียนในรูปแบบของคลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมสูตินรีเวช ซึ่งให้บริการทั้งการฝากครรภ์ (สูติศาสตร์) และบริการดูแลสุขภาพสำหรับผู้หญิง (นรีเวชวิทยา)
คลินิกต้องสะอาด ปลอดภัย : เพราะถ้าหากคลินิกไม่สะอาด ก็อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อขณะเข้าใช้บริการ ซึ่งอาจส่งผลอันตรายต่อแม่และเด็กได้ค่ะ การฝากครรภ์ที่คลินิกเฉพาะทางจึงมีข้อดีกว่าตรงที่ คุณแม่ไม่ต้องปะปนกับผู้มารับบริการโรคอื่นๆ ลดโอกาสในการติดโรค และที่สำคัญคือเป็นส่วนตัวและสบายใจกว่ามากๆ ค่ะ
คลินิกต้องมีอุปกรณ์ทันสมัย บริการครบครัน : การฝากครรภ์จะต้องมีการตรวจภายใน ตรวจอัลตราซาวด์ดูทารกในครรภ์ และการตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ด้วยเครื่อง NST รวมถึงการตรวจ NIPT เพื่อหาความเสี่ยงทางพันธุกรรมต่าง ๆ ของทารกในครรภ์ คลอดจนการตรวจหลังคลอด ซึ่งคุณแม่จะต้องเช็กข้อมูลให้ดี ว่าคลินิกมีบริการเหล่านี้ครบถ้วนหรือไม่ จะได้ไม่ต้องไปฝากครรภ์หลายที่ค่ะ
2. อยู่ใกล้บ้าน เดินทางสะดวก
หลังจากที่ฝากครรภ์แล้ว คุณหมอจะนัดตรวจติดตามการตั้งครรภ์ทุก ๆ เดือน เพื่อดูว่าสุขภาพของคุณแม่เป็นอย่างไร มีภาวะที่น่ากังวลอย่างเบาหวานขณะตั้งครรภ์ไหม หรือจำเป็นที่จะต้องเสริมวิตามินหรือแร่ธาตุอะไรหรือเปล่า รวมถึงตรวจดูพัฒนาการของทารกในครรภ์ว่าเป็นไปอย่างเหมาะสมไหม ต่างจากการเลือกโรงพยาบาลคลอดที่เราไปครั้งเดียว
การเลือกคลินิกฝากครรภ์ จึงควรเลือกคลินิกที่อยู่ใกล้บ้าน สามารถเดินทางได้สะดวก ใช้ระยะเวลาในการเดินทางไม่นาน ถ้ามีอะไรกังวล ก็สามารถแวะมาปรึกษาคุณหมอและรับบริการได้ง่ายค่ะ
3. ดูแลโดยสูตินรีแพทย์ที่มีความชำนาญ
การฝากครรภ์จะต้องให้สูตินรีแพทย์เฉพาะทางดูแลโดยเฉพาะ เนื่องจากสูตินรีแพทย์จะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการฝากครรภ์ การคลอดบุตร และการดูแลหลังคลอด พร้อมให้การรักษาคุณแม่ที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ และหลังคลอดบุตรอย่างเหมาะสม
คุณแม่สบายใจได้เลยว่าจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ครบวงจรทั้งด้านสูติศาสตร์ และนรีเวชวิทยา ตลอดช่วงเวลาการตั้งครรภ์ ได้แก่
วางแผนตั้งครรภ์ และตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์
ตรวจครรภ์ และดูแลฝากครรภ์
ตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม
ปรึกษาเรื่องการวางแผนคลอด
ตรวจหลังคลอด ให้คำปรึกษาสุขภาพหลังตลอด เช่น การให้นมบุตร การวางแผนครอบครัว หรือการคุมกำเนิด เป็นต้น
ที่แฮปปี้เบิร์ธ คลินิก เราให้บริการโดยทีมสูตินรีแพทย์ผู้หญิงที่เข้าใจคุณแม่ทุก ๆ วัย สามารถเข้ามาฝากครรภ์กับเราได้อย่างสบายใจเลยค่ะ หากสนใจสามารถแชทสอบถามและนัดหมายได้ ที่นี่ หรือเบอร์โทรศัพท์ 081-442-9355 โทรปรึกษาฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย!
4. มีค่าฝากครรภ์คลินิกที่เหมาะสม
ค่าฝากครรภ์คลินิกที่เหมาะสมก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากการฝากครรภ์จะต้องมารับบริการหลายครั้ง หากคุณแม่เลือกฝากครรภ์กับคลินิกที่มีค่าบริการสูงเกินไป แล้วเกิดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในภายหลัง ก็อาจทำให้ไม่สามารถฝากครรภ์จนจบกระบวนการตั้งครรภ์ได้
การเลือกฝากครรภ์ที่คลินิก จึงเป็นตัวเลือกที่ดี ที่จะช่วยคุณแม่และคุณพ่อบริหารจัดการค่าใช้จ่ายตลอดการตั้งครรภ์ได้ค่ะ (เมื่อเทียบกับการไปรับบริการที่โรงพยาบาล)
5. การให้บริการสะดวกและมีความยืดหยุ่นสูง
การบริการที่สะดวก มีความยืดหยุ่นสูง และมีความเป็นส่วนตัว นับเป็นหนึ่งในจุดเด่นหลัก ๆ ที่ทำให้คนเลือกมาใช้บริการคลินิกฝากครรภ์เลยค่ะ เนื่องจากสามารถนัดหมายเข้ามาตรวจ หรือเลื่อนนัดตรวจครรภ์ได้อย่างสะดวก และได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องกับคุณหมอคนเดิม ซึ่งจะแตกต่างกับการไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลมาก
นอกจากคลินิกฝากครรภ์แล้ว ถ้าไปหาหมอที่คลินิกทั่วไป เบิกประกันสังคมได้ไหม?
นอกจากคลินิกฝากครรภ์แล้ว หลายคนอาจสงสัยว่า ถ้าไปหาหมอคลินิกทั่วไป เบิกประกันสังคมได้ไหม ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน เจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือป่วยหนักจนต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ไม่อย่างนั้นจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ สามารถเข้ารับการรักษาในคลินิก หรือโรงพยาบาลใดก็ได้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพราะสำนักงานประกันสังคมจะเป็นผู้จ่ายค่ารักษาให้ค่ะ
แต่ถ้าเป็นการเจ็บป่วยปกติ แล้วต้องการไปรักษาที่คลินิก จะต้องเลือกรักษากับสถานพยาบาลเครือข่าย (Sub Contractor) ถึงจะสามารถเบิกประกันสังคมได้ค่ะ โดนสามารถเช็กรายชื่อโรงพยาบาลประกันสังคม และสถานพยาบาลเครือข่ายได้ที่ ลิงก์ นี้เลย
ฝากครรภ์ที่คลินิกกับโรงพยาบาลต่างกันยังไง?
ฝากครรภ์คลินิกกับโรงพยาบาล ในแง่ของการดูแลสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ไม่ค่อยมีความแตกต่างกันมากค่ะ โดยเฉพาะแนวทางการดูแลของคุณหมอ ไม่ว่าจะเป็น การซักประวัติสุขภาพ การติดตามความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายคุณแม่และทารก หรือหาแนวทางป้องกันความเสี่ยง หรือภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ แต่การฝากครรภ์ที่คลินิกจะมีข้อดีตรงที่มีความสะดวกสบายมากกว่า สามารถนัดหมาย หรือเลื่อนนัดได้อย่างสะดวก ไม่ต้องไปเสียเวลารอนานค่ะ
ฝากครรภ์ที่คลินิกเริ่มต้นกี่บาท
ฝากครรภ์ที่คลินิกครั้งแรกจะมีราคาเริ่มต้นที่ 3,500 บาทค่ะ มีรายการตรวจดังนี้
พบคุณหมอสูตินรีแพทย์
ตรวจร่างกาย
ตรวจเลือด และตรวจปัสสาวะ
ตรวจอัลตราซาวด์ ยืนยันการตั้งครรภ์ ดูทารก ดูตำแหน่งการตั้งครรภ์ ดูอายุครรภ์ ดูกำหนดคลอด
รับยาบำรุง และสมุดฝากครรภ์
ส่วนการฝากครรภ์ครั้งถัด ๆ ไป จะมีราคาเริ่มต้นที่ 2,000 บาทต่อครั้ง มีรายการตรวจดังนี้
พบคุณหมอสูตินรีแพทย์ ตรวจร่างกาย
ตรวจอัลตราซาวด์ ทุกครั้งที่มาฝาก ดูความสมบูรณ์ของทารก ดูพัฒนาการของทารก
ฉีดวัคซีน ตรวจเลือด ตรวจน้ำตาล ตรวจปัสสาวะ ฯลฯ (แตกต่างกันในแต่ละครั้ง)
แต่ถ้าจำเป็นต้องตรวจรายการอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ตรวจดาวน์ซินโดรม ตรวจ NIPT ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในส่วนนั้นค่ะ
สรุปค่ะ ☺️
การฝากครรภ์ ไม่ว่าจะเป็น การฝากครรภ์ที่คลินิก โรงพยาบาลรัฐ หรือโรงพยาบาลเอกชน ล้วนสามารถที่จะเบิกค่าฝากครรภ์ประกันสังคมได้ค่ะ เพียงแค่เตรียมใบเสร็จค่าฝากครรภ์และใบรับรองแพทย์ให้พร้อม แล้วนำไปเบิกที่สำนักงานประกันสังคม โดยจะสามารถเบิกได้สูงสุด 1,500 บาท ในส่วนของการเลือกคลินิกฝากครรภ์ที่ตอบโจทย์กับตัวเองนั้น นอกจากมาตรฐานของคลินิกและความสะอาดของคลินิกที่ต้องให้ความสำคัญแล้ว สิ่งอื่น ๆ ที่ควรคำนึงถึงก็คือ การเลือกคลินิกที่อยู่ใกล้บ้าน เดินทางได้สะดวก ดูแลโดยสูตินรีแพทย์โดยเฉพาะ และมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมค่ะ